Thursday, February 5, 2015

สูตรการทำครีมกันแดดแบบ PHYSICAL SUNSCREEN

สูตรการทำครีมกันแแดดแบบ Physical Sunscreen
ก่อนอื่นขอบอกเพื่อนๆก่อนนะคะว่าสูตรการทำครีมกัรแดดข่าล่างนี้เราไม่ไดคิดขึ้นมาเองนะะ พอดีเราไปอ่านเจอบทความมาจากเวบไซต์หนึ่งมาเลยเอามาแบ่งปันกันค่ะ

ที่มา : http://www.myskinrecipes.com/physical-sunscreen-diy-t1072.html


ความรู้พื้นฐานคะ
Physical Sunscreen คือการกันแดด ด้วยส่วนผสมที่เปฺ็นอนุภาพที่เกาะอยู่บนผิว เพื่อสะท้อนแสง UVA/UVB ออกจากผิว ไม่ให้แสงดังกล่าวตกกระทบลงบนผิว ข้อดีของ Physical Sunscreen คือ ไม่ทำปฎิกิริยาใดๆกับผิว ไม่ซึมสู่ผิว ทำให้เกิดโอกาสการแพ้ได้น้อยมาก เพราะแท้จริงมันเพียงแค่เกาะอยู่บนผิวชั้นบนสุดเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการกัน UVA/UVB ได้ดี และไม่เสื่อมสภาพง่ายเมื่อโดนแสงแดด แตกต่างจาก Chemical Sunscreen ซึ่งเสื่อมสภาพได้ง่าย หลังจากที่โดยแสงแดด ทำให้ความหวังว่าจะสามารถปกป้องเราได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นนั้นน้อยมาก นอกจากนี้ ยังเกิดการแพ้ได้ง่ายกว่ามาก เนื่องจากสามารถซึมสู่ผิวได้เล็กน้อยถึงปานกลาง

ข้อเสียของ Physical Sunscreen แน่นอนคะ เนื่องจากไม่ได้ซึมสู่ผิว มันเกาะอยู่บนผิว มันก็อาจจะเกิดความรู้สึกเหนอะหนะ บางทีถ้าใช้เยอะๆอาจจะทำให้ผิววอกขึ้นมาได้คะ นอกจากนี้ การผสมที่ไม่ดี อาจทำให้อนุภาพของสารกันแดด ไม่ได้กระจายตัวดีเท่าที่ควร แสง UV อาจจะตกกระทบผิวได้บางส่วนได้

ส่วนผสมหลักของ Physical Sunscreen มี 2ตัวเท่านั้นเองคะ คือ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ทั้งสองตัวนี้ หากเราได้ชนิดที่มีอนุภาพเล็ก เช่น Nano จะลดการเกิดการวอกได้ดี และช่วยให้การกระจายตัวในเนื้อผลิตภัณฑ์กันแดดของเราดีขึ้นมากคะ

สูตรครีมกันแดดนั้น มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น silicone-based หรือจะเป็น water-based หรือจะเป็น oil-based ตัวอย่างที่นิยมกันคือ silicone-based กับ water-based เพราะไม่ทำให้เหนอะหนะคะ

โดยหากเป็น water-based นั้น จะต้องมีการเลือกใช้ cream maker หรือสารสร้างเนื้อครีม ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ 2 ตัว คือ Light Cream Maker กับ Warp Cream Maker ความแตกต่างของ 2ตัวนี้ จะพูดถึงในสูตร Water-Based คะ

ตัวอย่างสูตร Silicone-based Sunscreen SPF23
1.Zinc Oxide 5%
2.Titanium Dioxide 5%
3.Cyclomethicone 40%
4.Dimethicone 30%
5.Silicone Gel 19%
6.SiliSolve 1%

ขั้นตอน: นำ 1+2+3+4 มาปั่นให้เข้ากันประมาณ 5-10นาที ให้แน่ใจว่าละลายเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นค่อยๆเติม 5 และปั่นต่อเนื่อง จนเกิดเนื้อเจล และสุดท้ายให้เติม 6 เพื่อช่วยเพิ่มความเสถียรของสูตร ป้องกันไม่ให้น้ำมัน silicone เช่น cyclomethicone, dimethicone แยกตัวออกจากสูตร

การปรับแต่ง:

ข้อดีของสูตรนี้คือมันกันน้ำได้ดี เมื่อเทียบกับสูตรอื่นๆด้านล่างคะ แต่ข้อเสียคืออาจจะเหนอะหนะเล็กน้อย

อัตราส่วนของ Cyclomethicone นั้น มีความสำคัญในการละลาย Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เข้ารวมกันสูตร หากน้อยไป จะไม่สามารถละลาย Zinc/Titanium ให้ผสมเข้ากับสูตรได้ เพราะฉะนั้น หากต้องการเพิ่ม Zinc/Titanium เพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ SPF ที่สูงขึ้น จะต้องคอยสังเกตุว่า Cyclomethicone มีปริมาณเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอ อาจจะต้องเพิ่มเติมขึ้นอีก

Dimethicone และ Silicone Gel นั้น ทำหน้าที่เพิ่มความหนืดของสูตร สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ หากต้องการให้หนืดมากขึ้น ให้ลดสัดส่วนของ cyclomethicone ลงบ้าง และเพิ่ม dimethicone และ silicone gel เพิ่มขึ้น ก็จะได้เนื้อครีมที่หนืดขึ้น

สามารถเพิ่มความนุ่มลื่น ชุ่มชื้น และเกลี่ยเนื้อครีมได้ง่าย ด้วยการเติม emollient เช่น LipidSoft หรือ Propylene Glycol

หากต้องการเพิ่ม SPF สามารถเพิ่มสัดส่วนของ Zinc Oxide / Titanium Dioxide ได้ แต่ขอให้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับข้อจำกัด และความจำเป็น/ไม่จำเป็น สำหรับการผสมสูตรให้ได้ SPF สูงๆ ที่นี่คะ


ตัวอย่าง Water-based Sunscreen SPF23 ชนิดใช้ Light Cream Maker

1.Zinc Oxide 5%
2.Titanium Dioxide 5%
3.Cyclomethicone 15%
4.Dimethicone 20%
5.Light Cream Maker 1.5%
6.Water 53.5%

ขั้นตอน: 

Step A: นำ 1+2+3+4 มาปั่นให้เข้ากัน 5-10นาที จนแน่ใจว่า Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ละลายเข้ากับสูตรได้สมบูรณ์

รูป1: 1+2 รวมกัน
Zoom in (real dimensions: 1156 x 1196)1 - mixing nano particles zinc and titanium.jpg
Zinc Oxide รวมกัน Titanium Dioxide
1 - mixing nano particles zinc and titanium.jpg (139.61 KiB) เปิดดู 6743 ครั้ง


รูป2: เติม Cyclomethicone และ Dimethicone ลงในสูตร และปั่นให้เข้ากันอย่างน้อย 5นาที
Zoom in (real dimensions: 2048 x 1760)2 - add dimethicone and cyclomethicone.jpg
เติม cyclomethicone และ dimethicone
2 - add dimethicone and cyclomethicone.jpg (332.01 KiB) เปิดดู 6743 ครั้ง


Step B: เติม Light Cream Maker และปั่นให้เข้ากัน 1นาที

รูป3: เติม Light Cream Maker ลงในสูตร และปั่นให้เข้ากัน จะได้ครีมเนื้อเหลว สีขาว
Zoom in (real dimensions: 1200 x 675)3 - add light cream maker.jpg
เติม Light Cream Maker
3 - add light cream maker.jpg (205.47 KiB) เปิดดู 6743 ครั้ง


Step C: เติมน้ำลงในสูตร และค่อยๆปั่นไปเรื่อยๆ จนได้เนื้อครีมข้นขึ้นมา (ก่อนเติมน้ำ เนื้อครีมจะเหลว แต่หลังจากเติมและปั่นอย่างต่อเนื่อง เนื้อครีมจะหนืดขึ้นเรื่องๆ สามารถปรับแต่งความหนืดได้ ด้วยการเพิ่ม หรือลดสัดส่วน Light Cream Maker

รูป4: เติมน้ำ และปั่น
Zoom in (real dimensions: 2304 x 2832)4 - add water phase.jpg
เติมน้ำ และปั่น จะก่อตัวเป็นครีม
4 - add water phase.jpg (589.94 KiB) เปิดดู 6743 ครั้ง


จะได้เนื้อครีมกันแดดชนิด water-based ดังรูป ซึ่งจะเบาบาง
Zoom in (real dimensions: 1116 x 1248)5 - texture testing.jpg
เนื้อครีมกันแดด เบาบาง ไม่เหนอะหนะ
5 - texture testing.jpg (209.44 KiB) เปิดดู 6743 ครั้ง



การปรับแต่ง:

สามารถปรับแต่งเนื้อของครีมได้ ด้วยการเพิ่มลด ส่วนผสมดังต่อไปนี้:

Cyclomethicone: หากเพิ่มขึ้นจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหลวขึ้น
Dimethicone: หากเพิ่ม จะทำให้หนืดขึ้น อาจรู้สึกเหนอะบ้าง ถ้าเพิ่มเยอะไป
Light Cream Maker: หากเพิ่มขึ้นจะทำให้เนื้อครีมหนืดขึ้น จับตัวเป็นก้อนขึ้น ใช้ในปริมาณน้อยจะได้เนื้อเหลว
Emollient: เช่น LipidSoftLipidSoft CC 5-15% หากเติมเข้าไป จะช่วยให้เนื้อครีมนุ่มลื่นเกลี่ยง่ายขึ้น

ตัวอย่างการเพิ่ม Light Cream Maker เป็น 2-2.5% เนื้อครีมจะเป็นก้อนมากขึ้น
Zoom in (real dimensions: 1116 x 1072)increase thickness.jpg
เพิ่มความหนืดเนื้อครีม
increase thickness.jpg (177.24 KiB) เปิดดู 6742 ครั้ง


สามารถปรับแต่งส่วนผสม ด้วยการเติมสาร anti-aging ต่างๆ เช่นสารบำรุงผิว โดยหากส่วนผสมบำรุงผิวนั้นๆ เป็นส่วนผสมที่ละลายในน้ำ ให้ผสมในส่วนของน้ำก่อน

ตัวอย่างเช่น หากต้องการเพิ่ม Vitamin B3 และ Green Tea Extract ให้นำส่วนผสมทั้งสองตัวนี้ ผสมลงในน้ำ (รายการที่ 6) จนเข้ากันเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยนำน้ำที่ผสมกับส่วนผสมทั้งสองตัวดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ไปใส่ในสูตรใน Step C ไม่ควรนำส่วนผสมที่ละลายในน้ำ มาผสมในขั้นตอนสุดท้ายลงในเนื้อครีม เนื่องจากจะละลายได้ยาก ต้องใช้เวลาปั่นนานคะ

หากต้องการเพิ่มส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน เช่น Vitamin E สามารถเติมได้ใน Step B โดยหลังจากที่ปั่นให้ Light Cream Maker เข้ากับสูตรแล้ว ก็เติมน้ำมันที่ต้องการลงในสูตร

ข้อสังเหตุคือ จะมีส่วนผสมเพิ่มขึ้นมาคือ Dimethicone ซึ่งเป็น silicone ชนิดที่มีความหนืดเล็กน้อย ข้อเสียคือ ทำให้เนื้อครีมที่ได้ อาจจะมีความเหนอะหนะขึ้นเล็กน้อย บางคนก็ไม่รู้สึกคะ ถ้าไม่ต้องการใส่ Dimethicone จะต้องใช้ Warp Cream Maker ในการสร้างเนื้่อครีมแทน ซึ่งจะพูดด้านล่างนี้คะ


ตัวอย่าง Water-based Sunscreen SPF23 ชนิดใช้ Warp Cream Maker (ความบางเบาสูงสุด)

1.Zinc Oxide 5%
2.Titanium Dioxide 5%
3.Cyclomethicone 10%
4.Warp Cream Maker 7%
5.Water 63%

ขั้นตอน: 

Step A: นำ 1+2+3 มาปั่นให้เข้ากัน 5-10นาที จนแน่ใจว่า Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ละลายเข้ากับสูตรได้สมบูรณ์

Step B: เติม Warp Cream Maker (4) และปั่นให้เข้ากัน 1-3นาที

Step C: เติมน้ำ (5) ลงในสูตร และค่อยๆปั่นไปเรื่อยๆ จนได้เนื้อครีมข้นขึ้นมา (ตอนเติมใหม่ๆน้ำจะยังแยกตัวกับสูตรอยู่ คนหรือปั่นไปเรื่อยๆแล้วจะค่อยๆรวมตัวเข้ากัน)

จะได้เนื้อครีมกันแดดชนิด water-based ดังรูป ซึ่งจะเบาบาง ไม่เหนอะหนะ
Zoom in (real dimensions: 1038 x 904)water-based SPF warp cream maker.jpg
water-based SPF warp cream maker.jpg (72.6 KiB) เปิดดู 6426 ครั้ง


การปรับแต่ง:

เหมือนกับ Water-Based ที่ใช้ Light Cream Maker ทุกประการ เพียงแต่การเพิ่มความหนืด สามารถทำได้โดยเติม Silicone Gel ไม่ใช่เติม Warp Cream Maker หรือ Dimethicone คะ


ที่มา :http://www.myskinrecipes.com/physical-sunscreen-diy-t1072.html


No comments:

Post a Comment