Wednesday, June 29, 2016

แปรงแต่งหน้า wetnwild ราคาถูกคุณภาพดี


แปรงแต่งหน้าราคาถูกที่อยากแนะนำ
วันก่อนเราเจอแปรงแต่งหน้า wetnwild ที่ร้าน winco เราซื้อมาลองตัวนึงเป็นแปรงทาอายแชร์โดว์ ราคา$0.78 ซึ่งราคาถูกกว่าที่ขายในเว็บไซต์เสียอีก  ตามรูปข้างล่าง


ขนแปรงนิ่มมาก แต่ว่าเวลาที่เราลองใช้ก็มีหลุดๆออกมาบ้าง ด้ามจับแข็งแรงใช้ได้ ที่ด้ามมีรอยบุ๋มเหมาะมือเวลาจับด้วย

ส่วนอีกตัวนึงที่เราซื้อมาเป็นแปรงทารองพื้น ปลายแบน
ขนแปรงนิ่มดี ใช้ทาทองพื้นได้ดี เกลี่ยง่าย
เราซื้อมาที่ราคา $2.32 
ที่ด้ามจับมีรอยบุ๋ม จับถนัดมือดี







แปรงของ wetnwild นี้ไม่ได้มีทุกร้าน ที่ร้านที่มีขายบางทีก็ไม่ได้มีทุกรุ่น ถ้าต้องการรุ่นที่ไม่มีขายในร้าน สามารถซื้อได้จากเว็บไซต์ ได้ที่นี่ 



Sunday, June 26, 2016

แนะนำแป้ง และรองพื้นสำหรับคนหน้ามัน maybelline fit me matte + poreless

สำหรับสาวๆที่หน้ามันมากๆ แล้วยังไม่เจอผลิตภัณฑ์ที่ใช่ละก็
วันนี้ขอแนะนำ รองพื้นและแป้งคู่นี้ของ เมเบลลีน รุ่น ฟิทมี แมท+พอร์เลส (maybelline fit me matte + poreless) 
คู่นี้เหมาะสำหรับสาวผิวมันที่ต้องการควบคุมความมัน 
เราเองใช้คู่นี้มาประมาณปีกว่าๆ แล้ว ชอบมาก
เพราะลุคที่ได้จะเป็นลุคหน้าแมท ไม่เงาวับได้ผิวหน้าที่ด้าน และเรียบเนียน




เริ่มจาก รองพื้นก่อนละกัน สีที่เราใช้คือ 228 soft tan
ลักษณะเป็นขวดแก้ว บรรจุรองพื้นไว้ 30ml
ราคาประมาณ $6
  
เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่ายมาก ทาแล้วรู้สึกได้ที่ผิวว่าดูแห้งๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีความรู้สึกคล้ายๆแป้ง เบาบาง รู้สึกสบายผิว ระดับการปกปิดอยู่ที่ระดับเปาบางถึงปานกลาง ให้ดูผิวเรียบเนียน


ส่วนแป้งแต่งหน้า เป็นแป้งเบาบางที่ไม่ผสมรองพื้น
น้ำหนัก 8.50 g.
ราคาประมาณ $5 


สีที่เราใช้คือ 130 buff beige 
เราจะใช้แปรงใหญ่แต้มแป้งแล้วแตะที่หน้า ส่วนตัวเราจะไม่ใช้พัพเพราะมันจะทำให้หน้าเราดูหนาขึ้น 
เรารู้สึกว่าใช้แปรงจะให้ความเบาบางที่มากกว่า และดูเหมือนผิวมากกว่า

หน้าเราส่วนใหญ่จะมันตรงทีโซน โดยเฉพาะหน้าผากและจมูก เราใช้คู่นี้ช่วยเรื่องหน้ามันได้เยอะเลย ช่วงอากาศร้อนๆเราก็ซับหน้าน้อยลง ยิ่งถ้าอากาศหนาวๆ หรืออากาศเย็นเราอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่จำเป็นต้องซับหน้าเลยก็มี
จริงๆเหงื่อเราก็ออกปกติน่ะแหละ แต่ด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้ดูเป็นเนื้อแมท ไม่เงาจึงทำให้หน้าเราดูไม่เงาวับ ดูไม่มันจนเกินไป 

ทั้งสองตัวนี้เราซื้อที่อเมริกา ท่เมืองไทยราคาอาจจะสูงกว่านี้สักหน่อย
ถ้าใครหน้ามัน แล้วยังไม่เจอรองพื้นและแป้งที่ใช่อยู่ละก็ เราอยากแนะนำให้รองคู่นี้ดู เพราะราคาไม่แพงเวอร์ แถมยังใช้ดีอีกด้วย 
ยังไงก็ไปลองกันนะ 



Tuesday, June 21, 2016

ยาทาเล็บรุ่นใหม่ ของ L.A. Colors รุ่น color last สีสวยติดทนนาน




วันนี้เรามีของใหม่มารีวิว
เป็นยาทาเล็บของญี่ห้อ L.A. Colors ยาทาเล็บรุ่นนี้ชื่อว่า Color Last 
เราซื้อยาทาเล็บตัวมาจากร้านค้าชื่อ fredmeyer ซึ่งเป็นร้านค้าทั่วไปที่อเมริกา
เราจ่ายไปที่ราคา $1.98 
รุ่นนี้เขาทำออกมาหลายสีให้เลือก แต่เราเลือมาลองก่อนสีนึง เป็นสีเทา มีชิมเมอร์สีเงินๆเล็กผสมอยู่ ซึ่งเราไม่เคยเห็นสีแบบนี้ที่ไหนมาก่อน และเราเองก็ยังไม่มีสีแบบนี้ด้วยก็เลยซื้อมาลอง

ที่เตะตาที่สุด ยอมรับว่าเป็นคนชอบที่ทาเล็บสีเทา 
ที่มีอยุ่ตอนนี้ก็มีสีเทาอยู่หลายโทนเหมือนกัน ได้ตัวนี้มาลอง ถูกใจมาก สีสวยถูกใจ
สามารถทาไปทำงานได้ ดูไม่ฉูดฉาดจนเกินไป เหมาะสำหรับวันสบายๆ แต่งตัวเบาๆ 


แปรงทาคุณภาพดีทีเดียว ขนแปรงนิ่มดี เป็นระเบียบไม่ชี้ไปชี้มาเหมือนขนแปรงบางญี่ห้อ



ลองทารอบนึง เนื้อค่อนข้างเบา ยังมองเห็นผิวเล็บอยู่บ้าง
เนื้อน้ำยาเกลี่ยง่าย ไม่หนาเหนอะหนะ แห้งไม่ช้าไม่เร็วเกินไป 



พอทารอบที่สองถือว่าใช้ได้ ปิดสีเล็บได้หมด 
มีความเงาในตัว ถ้าสังเกตดูดีๆจะเห็นว่ามีชิมเมอร์ปนอยู่นิด ๆ อาจมองไม่ค่อยชัดถ้าดูจากรูปภาพ 


ตามที่โฆษณาเอาไว้เค้าบอกว่ามันติดทนนานได้ถึง 10 วันเลยถ้าใช้ที่เคลือบเล็บทาเคลือบอีกที
ส่วนตัวเราเวลาทาเล็บทีไรเราเองก็ไม่เคยทิ้งไว้ถึง 10 วันสักที เปลี่ยนสีก่อนครบอาทิตย์ตลอด 
เราก็เลยบอกไม่ได้ว่ามันติดทนนานได้เต็มที่กี่วัน 
อีกอย่างนึง การที่ยาทาเล็บจะติดทนแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอย่างที่เพื่อนๆ รู้อยู่แล้วอ่ะนะ
ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมผิวเล็บก่อนทาเล็บ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ลนว่าจะสมบุกสมบันแค่ไหนกัน
ถ้าไม่ค่อยได้จับต้อง ยกของหนักมากมาย ที่ทาเล็บที่ทาไว้ก็น่าจะติดได้นานกว่าคนที่หยิบจับของเยอะๆ อยู่แล้ว


สรุปว่ายาทาเล็บตัวนี้คุณภาพค่อนข้างดีที่เดียวในเรื่องตัวเนื้อนำ้ยา ไม่เหม็นฉุน แห้งง่าย ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป 
เราว่าเดี๋ยวจะกลับไปซื้อสีอื่นๆอีก แล้วไงจะกลับมาทาให้ดูละกันนะ 

สำหรับวันนี้ขอบคุณมาก. แล้วกลับมาเจอกันครั้งหน้าค่ะ 

บายยยยยย



Friday, June 17, 2016

เมเบลลีน ( maybelline) ที่ไทยลดราคา 30% ถึง 26 มิถุนายนนี้

เมเบลลีน ( maybelline) ที่ไทยลดราคา 30%
ดูรูปด้านล่างได้เราถ่ายภาพหน้าจอจากเวบไซต์ของเมเบลลีนมาให้ดู


ถือว่าราคาก็ไม่เลวนะ ถ้าใครสนใจสามารถสั่งซื้อจากเวบไซต์เมเบลลีนโดยตรงได้ที่ shop.maybelline.co.th
รีบหน่อยเพราะลดถึง 26 มิถุนายน นี้เท่านั้นนะ
ตอนที่เรากลับเมือไทยเราก็ใช้บริการนี้อยู่บ่อย 
ที่ชอบมากก็คือเขาส่งไว พอของมาถึงเราก็ค่อยจ่ายเงินให้กับพนักงาน เราไม่ต้องโอนเงินก่อน สบายใจดีด้วย


Wednesday, June 15, 2016

เจอครีมกันแดดถูกสุดราคา $1 ที่ดอลล่าร์สโตร์


ตอนนี้ที่อเมริกาอากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้วล่ะ แดดเริ่มมีให้เห็นกันบ่อยขึ้น  เป็นสัญญาณของการเข้าหน้าร้อนแล้ว
เดิน/ปทางไหนก็เริ่มเห็นว่า ร้านค้าต่างๆในอเมริกาก็เริ่มที่จะนำครีมกันแดดออกมาวางแถวหน้าร้านเพื่อเป็นการโปรโมทเยอะขึ้น เมื่อวานได้ไปร้านดอลล่าร์สโตร์ ของในร้านนี้แทบทุกอย่างจะราคาเดียวกันหมดนั่นก็คือ $1 เป็นเงินไทยตอนนี้ก็ประมาณ 34 บาท เราได้เจอกับครีมกันแแดดญี่ห้อหนึ่งชื่อ max block sunscreen ซึ่งราคาถือว่าถูกมาก แค่เหรียญเดียวเอง ได้ปริมาณที่บรรจุในหลอด 89ml. ถือว่าไม่เลว




เขาวางอยู่บนชั้นวางของอยู่สามรุ่นด้วยกัน เราตัดใจไม่ถูกว่ารุ่นไหนต่างกันอย่างไร เราเองก็เลยรวบมาด้วยกันทั้งสามรุ่น สามหลอด ซึ่งทั้งสามหลอดเป็นครีมกันแดดดรุ่นกันน้ำทั้งหมดเลย นอกจากค่า SPF ที่เห็นว่าต่างกันอยู่บ้างก็ไม่รู้ว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ต่างกันอย่างไรบ้าง กะว่าจะมารีวิวให้ดูกันด้วยเลยละกัน



1) มาดูตัวแรก สีส้ม
Max Block Sunscrren SPF 30 กันน้ำได้ 80 นาที
กันค่า UVA และ UVB ได้


เนื้อครีมเป็นสีขาว ค่อนข้างเหลว แต่ก็ไม่ไหล
ทาง่ายเกลึ่ยง่าย เนื่องจากเป็นครีมกันแดดชนิดกันน้ำ พอทาแล้วจะรูสึกว่าผิวมีความมันๆ คล้ายมีน_้มันเคลือบผิวบางไว้อยู่ แต่ก็ไม่มาก
ดูภาพด้านล่างได้




1) มาดูตัวที่สอง สีเหลือง
Max Block Sunscreen SPF 50 กันน้ำได้ 80 นาที
กันค่า UVA และ UVB ได้
หน้าหลอดเขียนว่าเหมาะสำหรับเด็ก 
เราเดาเอาว่าค่า SPF คงเหมาะสำหรับมั้ง!!??


ทีนี้มาดูที่เนื้อครีม 
เนื้อครีมสีขาวเหมือนกัน แต่มีความเข้มข้นมากกว่าตัวแรก 
ทาง่าย เกลี่ยง่าเช่นเดียวกัน 
เนื่องจากเป็นชนิดกันน้ำหลังทาแล้วก็ให้ความรู้สึกว่ามีชั้นน้ำมันเกาะอยู่ที่ผิวอยู่เล็กน้อย จะเห็นว่าผิวเราดูเงาๆอยู่หน่อย
 




1) มาดูตัวสุดท้าย สีฟ้า
Max Block Sunscreen SPF 30 กันน้ำได้ 80 นาที
กันค่า UVA และ UVB ได้
หน้าหลอดเขียนไว้ว่าเหมาะสำหรับเล่นกีฬา 


เนื้อครีมสีขาว ข้นมากที่สุดในบรรดาสามหลอดนี้ แต่เนื้อก็ไม่เหนียวเหนอะมาก 
พอทาแล้วเรารู้สึกว่าผิวเราค่อนข้างเงามากกว่าสองหลอดที่ทามา แต่ก็ไม่เหนียวเหนอะ 
ความรู้สึกก็เหมือนทาครีมกันแดดแบบกันน้ำได้ทั่วไป 
ตัวนี้เราเดาว่าน่าจะกันน้ำได้มากที่สุก เมื่อเทียบกันทั้งสามหลอด 

สรุปว่าทั้งสามหลอดนี้ ตัวที่เราชอบมากที่สุดก็คือ หลอดแรก เพราะเนื้อครีมเบาบางสุด และเหมาะกับชีวิตประจำวันของเราทั่วๆไป ที่แค่ออกไปนอกบ้าน ขับรถ เดินกลางแดด โดนแดด แต่ถ้าต้องโดนน้ำ เล่นน้ำเราว่าหลอดที่สามเหมาะสุดเพราะกันน้ำได้ทนทานกว่า อีกอย่างหลอดที่สามทาช่วงสงกรานต์ก่อนออกไปสาดน้ำท่าทางจะเหมาะดีเหมือนกัน

ท้ายนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย 
ส่วนรีวิวหน้าเราจะมีอะไรมารีวิวให้ดูก็ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ