Thursday, October 4, 2018

ผมเส้นเล็กพันกัน ใช้หวีอะไรดี

ผมเส้นเล็กพันกัน ใช้หวีอะไรดี

เราเองเป็นคนผมเส้นเล็กถึงเล็กมากๆ  ผมพันกันง่าย เลาหวีผมก็จะเจ็บมาก เพราะว่าหวีไม่ออก
บางครั้งใช้แปรงผมค่อยๆแปรง ก็แปรงนานมากกว่าจะสางหมด บางทีแปรงแรงๆ ผมก็หลุดออกมาด้วย

เราเองเชื่อว่าการใช้แปรงผมน่าจะเหมาะที่สุดแล้วกับผมพันกันง่าย เราก็เลยใช้แปรงมาตลอดๆ
แปรงที่ใช้ตลอดๆก็แบบที่เห็นตามร้านทั่วไป



จนมาวันนึงเราได้ลองใช้หวีห่างดู ไม่น่าเชื่อว่าหวีง่ายมาก
ใช้เวลาเร็วกว่าใช้แปรงผมเสียอีก
เพราหวีห่างทำให้เราไม่ต้องเจ็บหนังศรีษะอย่างที่เคย
เพื่อนๆบางคนอาจจะเคยใช้หวีห่างมาก่อน อาจจะคิดว่าไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้มาก่อน ไม่เคยลองมาก่อน ก็ไม่รู้จริงๆว่ามันดีอ่ะ












สำหรับใครที่มีผมเส้นเล็ก ผมพันกันง่ายอยากให้ลองใช้หวีห่างดู
มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตให้ง่ายขึ้นก็ได้



Monday, October 16, 2017

รองพื้นอะไรดีสำหรับผิวมัน เนื้อแมท ราคาไม่แพง สุดยอดรองพื้นเนื้อแมทของเรา



รองพื้นอะไรดี สำหรับผิวมัน เนื้อแมท ราคาไม่แพง คำถามนี้เพื่อนๆถามเราบ่อยมาก
วันนี้ก็เลยจะมาเขียนบลอกแนะนำกัน
เรามี 3 ตัวท้อป ซึ่งราคาไม่แพงเลย แล้วใช้ได้ดีด้วย

มาตัวแรกที่เราใช้อยู่
Loreal Infallible Pro-Matte
ราคาที่ขายในรายทั่วๆไปในอเมริกาอยู่ประมาณ $10-$12
ลักษณะเป็นหลอดพลาสติก เวลาใช้ก็บีบเนื้อรองพื้นออกมา ก็ง่ายดีไปอีกแบบ ไม่ต้องพึ่งหัวปั้ม

เราเองใช้สี 106 Sun Beige เป็นสีที่มีสีเหลืองๆ เหมาะกับสีผิวเอเซียโทนเหลือง
เนื้อครีมเข้มข้นที่สุดในบรรดารองพื้นที่เราเขียนในบล็อควันนี้ แต่เป็นเนื้อรองพื้นที่แห้งเร็วมากด้วย
เวลาเกลี่ยต้องรีบเกลี่ยให้ทั่วนิดนึงไม่งั้นผิวอาจไม่เนียนได้ 
ลุคที่ได้ค่อนข้างแมท ไม่แบน เป็นแมทที่สวย ไม่แมทแบบแบนๆ 
ไม่มีกันแดดผสมอยู่ เวลาถ่ายรูปก็สวยเพราะไม่สะท้อนแสงแฟลชขาวๆ ทำให้หน้าขาวลอย




















ส่วนตัวที่สองคือ
Maybelline Fit Me Foundation Matte + Poreless
ราคาที่ขายที่อเมริกาก็ประมาณ $5-$6 ซึงไม่แพง
มาในรูปแบบขวดแก้ว เวลาใช้ก็ต้องเทออกมา ไม่สะดวกเท่าไหร่
แต่เนื้อรองพื้น ไม่ข้นมาก ทำให้เทง่าย









เราเองมีด้วยกันสองสี คือ สี228 ซึ่งออกเหลือง ๆ ส่วนสี 238 จะออกชมพูนิด ๆ 
เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่ายมาก ลื่นๆ แห้งช้ากว่าลลอลีอัล แต่เวลาแห้งแล้ว รู้สึกเหมือแป้งแห้งๆ สะบายผิวดีอีกแบบ ลุคที่ได้เป็นเนื้อแมทที่แมทมากๆ ไม่มีกันแดดผสมอยู่ เวลาถ่ายรูปก็สวยเพราะไม่สะท้อนแสงแฟลชขาวๆ ทำให้หน้าขาวลอย



ส่วนตัวที่สามคือ

WetnWild PhotoFocus Foundation
ราคาที่อเมริกาประมาณ $5ลักษณะมาเป็นขวดแก้ว ที่ฝามีก้านพลาสติกมาด้วยเป็นที่จุ่มทาๆ
อาจไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าไหร่



เนื้อบาง เกลี่ยง่าย ไม่มีกันแดดผสม เวลาถ่ายรูปออกมาสวย ไม่สะท้อนแสงแฟลชขาวๆ เกลี่ยง่าย ไม่แห้งเร็วจนเกินไป พอแห้งแล้วก็รู้สึกคล้ายแป้ง สะบายผิวไม่เหนียวหน้า เนื่องจากเป็นเนื้อแมทพวกนี้จะติดไม่ทนนาน อาจต้องมีเติมแป้งระหว่างวันบ้าง








Thursday, October 5, 2017

มาสคาร่า 2 ตัวที่ทำให้ขนตาหนาขึ้น ในราคาไม่แพง
















วันนี้เราอยากแชร์มาสคาร่าที่เราชอบใช้เพราะมันทำให้ขนตาเราหนาขึ้น
เรามีสองตัวนี้ที่เวลาหมดทีไรเราก็จะซื้อซ้ำๆเสมอๆ

ตัวแรกเป็นของลอรีอัล : ชื่อรุ่นนี้คือ Loreal Extra Volume Collagen ไม่ใช่รุ่นใหม่อะไร มีขายหลายปีแล้ว เราเองก็ใช้มาหลายปีมากแล้วเช่นกัน หมดทีไรก็ซื้อซ้ำตลอดๆ ตัวนี้เป็นสูตรที่ผสม คอลลาเจนไปด้วย เราซื้อที่อเมริกา ราคาประมาณ US$8.00 เคยซื้อที่ไทยราคาประมาณ 350-540 บาท จำไม่ได้ว่าที่ไทยเขาเรียกรุ่นนี้ว่าอะไน ชื่ออาจจะต่างกันนิดหน่อย แต่รูปร่างหลอดสีดำเหมือนกัน    

ที่ฉลากบอกว่าทำให้ขนตาดูหนาขึ้นถึง 12 เท่า เราก็ไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรวัดถึงรู้ได้ว่าหนาถึง 12  เท่า  จากประสบการ์ณตรงที่ใช้เองกับตัวขนตาเราหนาขึ้นจริง ชอบตรงที่กันน้ำ ไม่แพนด้า ล้างง่าย





เรามีรูปก่อนใช้และหลังใช้ให้ดู คอลลาเจนที่ว่าผสมอยู่มันจะไปเกาพกับเส้นขนตาให้ดูหนาขึ้น เราทา 1-2 ครั้งก็พอ ถ้าทาซ้ำๆมากไปก็จะเกาะกันเป็นก้อนได้




















ตัวที่สองเป็นของเมเบลีน : รุ่นนี้เป็นรุ่น Maybelline Big Eye มีขายในตลาดมานานหลายปีเช่นกัน รุ่นนี้เราซื้อที่อเมริการาคา US$5.00-6.00 ที่ไทยเราเคยซื้อจากวัตสันราคาประมาณ 300-400 บาท ชอบตรงที่ทำให้ขนตาหนาขึ้น กันน้ำ ไม่แพนด้า ล้างง่าย บางคนไม่ชอบมาสคาร่าแบบสองหัว แต่าเราชอบ  หลายครั้งที่เราเคยใช้ขนแปรงใหญ่เกิน ทาขนตาล่างไม่ค่อยถนัด บางทีก็เปื้อนผิวเลอะเทอะ  ส่วนของเมเบลีนรุ่นนี้มีปลายเล็กๆสามารถทาขนตาล่างได้ทั่วถึง ไม่เลอะโดนขอบตา สะดวกดี




ปกติเราจะทา 1-2 ครั้ง ก็พอ แต่ตัวนี้ทาซ้ำๆก็ไม่เกาะเป็นก้อน แต่ขนตาจะไม่หนาเท่าของลอลีอัลข้างบน แต่ก็หนา สวยดี



















ถ้าสาวๆคนไหนชอบขนตาแบบหนาๆ ฟูๆ เราขอแนะนำให้ลองสองตัวนี้เพราะมันหนาจริง ฟูจริง ราคาไม่แพงเวอร์อีกด้วย

Saturday, September 16, 2017

คอนซีลเลอร์เมเบลีนที่ดังๆ ใช้ดีจริงเหรอ Maybelline Instant Age Rewind



วันนี้จะมารีวิวคอนซีลเลอร์ตัวที่โด่งดังมากๆในโลกโซเชี่ยลให้ฟัง
สำหรับบางคนที่ไม่คุ้นกับคอนซีลเลอร์ว่าคืออะไร สำหรับบางคนที่ไม่คุ้น บอกกันคร่าวๆก็คือสิ่งที่มีความข้นมากกว่ารองพื้น ส่วนใหญ่เราใช้ทาปกปิดรอยด่างดำเฉพาะจุด เช่นรอยแดงจากสิว รอยคล้ำๆใต้ตา หรือบางทีก็ใช้ไฮไลท์ได้ด้วยแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน
คอนซีลเลอร์ของเมเบลีนรุ่น Instant Age Rewind หน้าตาเป็นหลอดๆ และปลายหลอดก็เป็นฟองน้ำอย่างที่เห็นในรูป เขาดังมากจริงๆหลายคนต่างก็พูดถึง เนื่องจากราคาไม่แพง และปกปิดได้ดี
เราซื้อจากร้าน Walmart ที่อเมริกาตกชิ้นละ ประมาณ US$8-US$9 ที่มืองไทยอาจจะราคาแพงกว่านี้อีกนิดหน่อย
Maybelline เขาทำออกมาทั้งหมด 3 สี คือ Fair, Light, และ Medium
ส่วนเรามีสองสีด้วยกัน คือ Light และ Medium เราใช้สี Medium ทาปกปิดรอยจุดด่างดำที่เกิดจากสิว ส่วนสี Light เราใช้ไฮไลท์ดั้ง ให้ดูโด่งขึ้น

ผิวเราเป็นผิวแบบเอเซียที่มีความเป็นสีเหลืองปนๆ เราใช้สี Light ใต้ตาเพื่อให้เกิดความสว่าง ส่วนสี Medium เราใช้ปกปิดริ้วรอย ปกปิดจุดด่างดำเล็กๆ


เราเองใช้มาเกือบสองปีละ ใช้ดีตรงที่ปกปิดได้ ไม่ตกร่อง
ที่บอกว่าไม่ตกร่องต้องใช้แป้งทาทับอีกทีนะ ถ้าทาเดี่ยวไม่ใช้แป้งเซ็ทให้อยู่ตัวละก็ตกร่องตลอดๆ
พื้นฐานเราเป็นคนผิวมัน เหงื่ออกค่อนข้างง่าย เราใช้คอนซีลเลอร์ตัวนี้ทาใต้ตา แล้วเซ็ทด้วยแป้งคอนทัวร์ของ Wet n' Wild อยู่ได้ตลอดวันเลย

เราเคยลองกับแป้งตัวอื่นมา ก็ไม่ค่อยอยู่นานเท่ากับเวลาเซ็ทด้วยแป้งตัว
นอกจากนี้เราเคยลองโดยไม่เซ็ทแป้ง โดยทาแป้งแต่งหน้าทับไปเลย ก็มีบางครั้งที่ไม่รอดเหมือนกัน

ถ้าเพื่อนคนไหนมองหาคอนซีลเลอร์ที่ใช้ได้ดีราคาไม่แพง อยากให้ลองใช้ตัวนี้ของ Maybelline ดู อาจจะถูกใจก็ได้




Wednesday, August 9, 2017

ลิปสติคแบบจุ่มเนื้อด้านเว็ทแอนด์ไวล์ด wet n wild liquid lipstick, cheap and good

วันนี้เรามีลิปสติคของ wetnwild มารีวิวให้ฟัง
ตัวนี้เป็นสีด้าน หรือบางคนเรียกว่าเนื้อแมท
รุ่นนี้ชื่อรุ่นว่า megalast liquid catsuit matte lipstick
เราซื้อจากร้านวอลมาร์ทที่อเมริกา ราคาต่อชื้น $4.99 ก็ประมาณ 160-180 บาท
ที่ไทยราคาอาจจะแพงกว่านี้นิดหน่อย
เราได้มาสามสีด้วยกัน
เป็นลิปแมทแบบน้ำที่ติดทนนานมากจริงๆ




สวอชสีให้ดู

สีที่เราใช้ทุกวันคือสี 924B เป็นสีชมพูนู๊ดที่มีสีม่วงปนๆนิดหน่อย สามารถทาไปทำงานได้ทุกวันแบบไม่แรงจนเกินไป ที่เราชอบใช้ก็คือรุ่นนี้เป็นลิปสติคที่ติดทนนานมาก อยู่ได้ทั้งวัน ไม่หลุด สีไม่ติดแก้วน้ำ ไม่ติดหลอด  เราใช้ตอนเช้าเวลาไปทำงาน กลับบ้านมายังติดอยู่เลย 
แนะนำว่าทาครั้งเดียวพอ อย่าทาซ้ำ ไม่งั้นมันจะพอกหนา ดูหนามาก ไม่สวย เพราะเราทาซ้ำมาแล้ว
ถ้าจะทาซ้ำระหว่างวันแนะนำว่าให้ลบของเก่าออกให้หมดก่อนแล้วค่อนทาซ้ำจะสวยกว่า
 แต่ล้างออกยากหน่อยนะ ต้องใช้ที่เช็ดเครื่องสำอางถึงจะสะอาด 
หรือใช้วาสลีนทาทับแล้วเช็ดออกก็ได้เหมือนกัน


Friday, June 16, 2017

รีวิว อายแชร์โดว์ที่มีทุกอย่างในตลับเดียวกัน NYX the go-to plaette


วันนี้เราจะมาบอกเล่าความคิดเห็นเกี่ยวกับ อายแชร์โดว์ ตลับนี้ของ NYX ให้ฟัง ซึ่งเราใช้มาได้สักพักแล้ว สังเกตุเห็นได้จากรอยแหว่งๆ
ตลับนี้เรียกว่า NYX the go-to palette ( นิคส์ เดอะ โก ทู พาเลท)
ซึ่งรวมทุกอย่างที่ตัวเราต้องการไว้ในตลับเดียว 
สำหรับบางคนแค่นี้อาจจะไม่พอ แต่สำหรับเราแล้วถือว่าครบทุกอย่าง
ซึ่งเราจะพกไปในเวลาที่เราเดินทาง ประหยัดดนื้อในการจัดกระเป๋าด้วย
เราซื้อจากร้านที่อเมริกา ราคา$18.00 เหรียญสหรัฐ
ที่เมืองไทยอาจจะขายแพงกว่านี้สักหน่อย

NYX เขาทำรุ่นนี้ออกมาสองสีให้เลือก สีที่เรามีชื่อ GTP01 wanerlust ซึ่งเป็นสีโทนนำ้ตาล
อย่างที่เห็นในรูป ก็มีสีอายแชร์โดว์ หรือสีทาเปลือกตาให้มา 6 สี 
มีไฮไลท์ ที่ทาแก้ม และ สีคอนทัวร์ ให้มาอย่างละ 1 สี
นี่คือทั้งหมดที่เราต้องการจริงๆ ประทับใจที่เราถือตลับนี้ตลับเดียวก็แต่งหน้าได้เลย




สีอายแชร์โดว์ทั้ง 6 สีที่ให้มาเป็นโทนน้ำตาล สามารถใช้แต่งไปทำงานก็ได้ แต่งโทนนู๊ดๆ ไปเซเว่นก็ได้ ถือว่าเป็นเฉดสีธรรมดาๆ ที่สามารถใช้ได้ทุกวัน
ทั้งหมดมีประกายมุก ระยิบระยับ ยกเว้นสีน้ำตาลด้านล่างที่ดูว่ามีประกายชิมเมอร์เล็ก แต่เวลาที่ใช้ทาแล้วแบมองไม่เห็นประกายเลย เกือบเป็นสีแมท หรือ สีด้านเลยที่เดียว

ความเข้มของสีถือว่าใช้ได้ดีทีเดียว สีที่ได้ชัดเจนพอควร ถือว่าชัดเจนกว่าของเมเบลลีนกว่ามาก แต่เนื้อค่อนข้างเบา มีร่วงเป็นผง ๆบ้างเวลาใช้ 
สีทองที่เห็นด้านล่าง สำหรับความเห็นส่วนตัวเรา มันค่อนข้างร่วน หยาบๆ เม็ดสีเนื้อหยาบกว่าสีอื่นๆ เวลาทาไม่ค่อยติดเท่าที่ควร แต่เวลาสเปรย์ เมคอัพสเปรย์ที่แปรงก่อน แล้วแตะที่อายแชร์โดว์ตัวนี้แล้วใช้ก็จะได้สีที่ชัดขึ้น และร่วนน้อยลง 

ส่วนสีอื่นๆ นอกจากสีทองแล้วนั้น ความเข้มเม็ดสีถือว่าดี เนื้อนิ่มๆ เราค่อนข้างชอบมากกว่าเมเบลีน และลอลีอัล


ส่วนสีไฮไลท์ สีออกโทนเหลืองๆ แชมเปน สีใช้ได้ดีสำหรับลุคกลางวัน ที่ต้องการความเงาๆ ระดับเบาๆ 
สีปัดแก้มก็เป็นสีพีชส้มๆ ไม่โดดมาก 
ตามด้วยสรคอนทัวร์ ที่เป็นสีด้าน หรือ เนื้อแมท เป็นเนื้อที่ละเอียดดีที่เดียว เหมาะกับการสร้างโครงหน้า
เราใช้ทาได้ทั้งคิ้ว และแรเงาจมูก ซึ่งเกลี่ยง่าย

ราคาค่อนข้างจะสูงไปสักหน่อยสำหรับญี่ห้อที่อยูในร้านขายยา หรือที่นี่เรียกว่า drugstore brand 
แต่ถ้าใครมองหาตลับที่มี ทั้งทาตา ทาแก้ม ไฮไลท์และคอนทัวร์ ในตลับเดียวกันแล้วละก็ เราว่าตลับนี้น่าสน 
สีที่เขาเลือกมาให้ก็เข้ากันได้ดี  




Monday, April 3, 2017

รีวิวลิปสติค เอสเซนส์ รุ่น sheer and shine (essence lipstick sheer and shine)

ช่วงนี้ใกล้หน้าร้อนที่อเมริกาแล้ว พออากาศเริ่มอุ่นขึ้น แสงแดดมีมากขึ้น เราชอบแต่งหน้าแบบจางๆ ชอบสีลิปติคเบาๆ มีวิ้งๆด้วยก็ดี ลิปกลอสก็ตอบโจทย์ได้ดี แต่เราไม่ที่ต้องมีแปรงจุมๆ บางทีแปรงก็ติดเนื้อลิปกลอสมาเยอะเกินพอดี ทาทีเยิ้มไปหมด ต้องซับออกบ้างไรบ้าง ก็เลยคิดว่าถ้าได้ลิปแท่ง แล้วมีสีบางๆ เงาๆ ใกล้เคียงกับลิปกลอสแบบจุ่มก็คงดี

และแล้วเราก็เจอ
วันนี้มีลิปสติคของ เอสเซนส์รุ่น sheer and shine มาให้ดูกัน
มันเป็นลิปสติคที่ตรงกับความต้องการของเราตอนนี้มากที่สุด เราซื้ออเมริกา $2.99
ที่เมืองไทยเคยเห็นที่ บิ๊กซี พระรามสองราคา 135 บาท ซึ่งราคาไม่แพงเว่อร์
เราได้มาสองสีคือ 
1)สี10 glamour queen เป็นสีน้ำตาลนู๊ด เบาๆ วิ้งๆ
2)สี 07 Sparkling miracle เป็นสีชมพูใสๆเบาๆวิ่งๆ



สูตรลิปสติคตัวนี้สีที่ได้คล้ายๆลิปกลอส แต่ความหนืดมากกว่าลิปกลอส ให้ความชุ่มชื้นใกล้เคียงลิปบาล์ม สีที่ได้มีความเงาปนสีจางๆ แต่พอทาถูซ้ำๆสีที่ได้ก็เข้มขึ้นได้ คือถ้าต้องการสีบางๆ ก็ทาครั้งเดียว อยากได้สีที่ชัดขึ้นหน่อยก็ทาหลายๆครั้งหน่อย